วันที่นำเข้าข้อมูล 23 พ.ค. 2559
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 นายวิจักขณ์ ชิตรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ได้จัดงานเลี้ยงรับรองแสดงความยินดีกับผู้รับทุนฝึกอบรมตามโครงการพัฒนาช่างทำขาเทียมสำหรับศูนย์ผลิตขาเทียมโรงพยาบาลทหารวากัม จำนวน 7 คน ที่ได้รับทุนฝึกอบรมในหลักสูตร International Training Courses in Lower Extremity Prostheses ณ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จังหวัดเชียงใหม่
เป็นเวลา 2-3 เดือน
ในปี 2554 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ (สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ - สพร.) และมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ผลิตขาเทียม มูลนิธิเพื่อทหารทุพพลภาพและผู้พิการ (Fondation des Invalides et Mutilés Militaires du Sénégal) ที่โรงพยาบาลทหารวากัม กรุงดาการ์ เพื่อเป็นศูนย์ผลิตขาเทียมสำหรับทหารทุพพลภาพและผู้พิการของเซเนกัล รวมทั้งเผยแพร่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ของไทย ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเซเนกัลและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยในด้านมนุษยธรรมตามแนวคิดความร่วมมือใต้-ใต้ (South-South Cooperation) โดยปัจจุบันมีผู้ทุพพลภาพเข้ารับบริการขาเทียมแล้วจำนวนกว่า 300 คน (จากผู้พิการทั่วประเทศราว 10,000 คน ซึ่งคงมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากผู้พิการด้วยโรคเบาหวาน)
โครงการพัฒนาช่างทำขาเทียมฯ ครั้งนี้จึงเป็นโครงการในระยะที่ 2 ที่ไทยสนับสนุนเซเนกัลตามความประสงค์ของประธานาธิบดี Macky Sall ของเซเนกัล โดยไทยหวังพัฒนาเซเนกัลให้เป็นศูนย์กลางในการผลิตขาเทียมของภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกด้วยการช่วยเหลือพัฒนาทรัพยากรบุคคลขึ้นไปอีกระดับทั้งช่างทำขาเทียม นักกายภาพบำบัด และทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขากายอุปกรณ์ รวมทั้งสิ้น 7 คน โดยโครงการระยะที่ 2 นี้ เน้นการฝึกอบรมบุคลากรฝ่ายเซเนกัลทั้งในแนวนอน (เพิ่มจำนวนบุคลากร) และแนวดิ่ง (ให้ความรู้เชิงลึก) เป็นเวลา 3 ปี
ในโอกาสนี้ พันเอก Serigne Mamadou SARRE ผู้อำนวยการด้านสาธารณสุขกองทัพบกเซเนกัล พันเอก Makha KEITA ประธานมูลนิธิขาเทียมฯ และพันเอก Eric WILSON ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารวากัมและผู้บริหารโรงพยาบาลฯ ได้เข้าร่วมแสดงความยินดีกับผู้รับทุนดังกล่าวและขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง
โครงการดังกล่าวไทยได้ให้ความช่วยเหลือในระยะแรกไปแล้ว 20 ล้านบาท และในโครงการระยะที่ 2 นี้อีก ประมาณ 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 30 ล้านบาท
รูปภาพประกอบ